นิสัยการใช้เงินแบบไหนที่ทำให้คุณ ยากจนลงๆ


การจัดการเงินเป็นทักษะสำคัญที่ทุกคนควรเรียนรู้และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพราะไม่เพียงแต่ช่วยให้เราสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมั่นคงในปัจจุบัน แต่ยังสร้างความพร้อมสำหรับอนาคตที่ไม่แน่นอน การมีอิสระทางการเงินไม่ใช่เรื่องไกลตัว หากเราเข้าใจและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่างที่อาจดูเหมือนเล็กน้อย แต่กลับส่งผลต่อฐานะทางการเงินในระยะยาว

หลายคนอาจคิดว่าการเก็บเงินหรือลงทุนเป็นเรื่องยาก หรือต้องใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล แต่ความจริงแล้ว การเริ่มต้นจากสิ่งเล็ก ๆ เช่น การควบคุมการใช้จ่าย การวางแผนรายรับ-รายจ่าย หรือการศึกษาเรื่องการลงทุนเบื้องต้น ก็สามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญได้ การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน แต่ต้องอาศัยความอดทนและการสร้างวินัยอย่างสม่ำเสมอ

การจ่ายเงินให้ตัวเองเป็นลำดับสุดท้าย

หลายคนมักจะนำเงินไปจ่ายค่าเช่า ค่าน้ำไฟ หรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ก่อน โดยเหลือเพียงเศษเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ ไว้เก็บออม แต่หากเราอยากประสบความสำเร็จทางการเงิน เราควรเปลี่ยนวิธีคิดและจ่ายเงินให้ตัวเองก่อนเสมอ เมื่อได้รับเงินเดือน ให้แบ่งเงินอย่างน้อย 10% เข้าบัญชีออมทรัพย์ทันที การทำเช่นนี้จะช่วยสร้างวินัยทางการเงิน และทำให้มั่นใจว่าเราจะมีเงินเก็บอยู่เสมอ ไม่ว่าสถานการณ์ทางการเงินจะเป็นเช่นไร การมองการเก็บออมเป็นส่วนหนึ่งของภาระผูกพันทางการเงิน เช่นเดียวกับการจ่ายบิล จะช่วยให้เรามีความมั่นคงมากขึ้นในระยะยาว

การยอมรับหนี้สินที่ไม่จำเป็น

ในชีวิตประจำวัน คนจำนวนมากเลือกใช้บัตรเครดิตหรือสินเชื่อในการซื้อสินค้าที่ไม่จำเป็น เช่น เสื้อผ้า ของขวัญ หรือแม้กระทั่งอาหาร แต่การเป็นหนี้โดยไม่สามารถชำระเต็มจำนวนในทันที เป็นการทำลายฐานะทางการเงินในระยะยาว อัตราดอกเบี้ยของบัตรเครดิตที่สูงถึง 22% อาจทำให้ผลประโยชน์หรือสิทธิพิเศษจากบัตรเหล่านั้นกลายเป็นเรื่องไร้ค่า หากไม่สามารถชำระหนี้ได้ตรงเวลา การหลีกเลี่ยงการใช้หนี้เพื่อซื้อสิ่งที่ไม่จำเป็น จะช่วยให้เราลดภาระทางการเงินและมีเงินเหลือสำหรับการออมและการลงทุน

การขาดเงินสำรองฉุกเฉิน

การไม่มีเงินสำรองเพื่อรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น การเจ็บป่วยหรือการตกงาน อาจทำให้ฐานะทางการเงินของเราเสียหายอย่างรุนแรง การจ่ายเงินให้ตัวเองก่อนและเก็บเงินสำรองอย่างน้อยหกเดือน จะช่วยให้เรามีความมั่นคงเมื่อเผชิญกับปัญหาต่าง ๆ เมื่อมีเงินสำรองเพียงพอแล้ว เราสามารถนำเงินส่วนที่เหลือไปลงทุนเพื่อเพิ่มพูนทรัพย์สินได้

การไม่รู้รายได้และค่าใช้จ่ายของตัวเอง

การไม่รู้ว่าเงินเข้ามาเท่าไหร่และออกไปเท่าไหร่ เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้หลายคนไม่สามารถควบคุมการเงินได้ เมื่อรายได้เพิ่มขึ้น หลายคนมักจะใช้จ่ายมากขึ้นตามไปด้วย เช่น การซื้อบ้านใหญ่ขึ้นหรือรถคันใหม่ ซึ่งเป็นวัฏจักรที่ไม่มีที่สิ้นสุด การตั้งเป้าหมายทางการเงินที่ชัดเจนและวางแผนการใช้จ่ายอย่างรอบคอบ จะช่วยให้เรามีโอกาสสร้างความมั่งคั่งมากกว่าคนที่เพียงแค่ฝันถึงความร่ำรวยแต่ไม่มีแผนการที่แท้จริง

การใช้จ่ายกับงานอดิเรกที่แพงเกินไป

บางคนชอบใช้เงินไปกับงานอดิเรกที่มีราคาสูง เช่น การสะสมของแบรนด์เนมหรือการเดินทางท่องเที่ยวอย่างฟุ่มเฟือย แม้ว่าการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์จะเป็นเรื่องดี แต่หากงานอดิเรกเหล่านั้นทำให้ฐานะทางการเงินของเราแย่ลง ก็ควรพิจารณาปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การหารายได้เพิ่มเติมควบคู่ไปกับการประหยัด จะช่วยให้เรามีโอกาสสร้างความมั่งคั่งมากขึ้น

การรอลงทุนนานเกินไป

การลงทุนเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการทำให้เงินทำงานแทนเรา เมื่อมีเงินสำรองเพียงพอแล้ว ควรเริ่มศึกษาและลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายเพื่อกระจายความเสี่ยง การปล่อยเงินไว้ในบัญชีธนาคารโดยไม่ลงทุนใด ๆ อาจทำให้เราเสียกำลังซื้อในระยะยาวเนื่องจากเงินเฟ้อ การเริ่มต้นลงทุนเร็วจะช่วยให้เรามีโอกาสสร้างความมั่งคั่งได้มากขึ้นในอนาคต

การใช้จ่ายเกินตัวเพื่อไล่ตามสังคม

หลายคนมักจะใช้เงินไปกับสิ่งของหรือบริการที่ทำให้ดูเหมือนว่าตนเองมีฐานะทางสังคมที่ดีขึ้น เช่น การซื้อโทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุด รถยนต์ราคาแพง หรือการเดินทางไปยังสถานที่หรูหรา เพียงเพราะต้องการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีในสายตาคนอื่น การกระทำเช่นนี้อาจทำให้ฐานะทางการเงินแย่ลง เพราะเงินที่ควรนำไปออมหรือลงทุนกลับถูกใช้ไปกับสิ่งที่ไม่จำเป็น การปรับเปลี่ยนความคิดและมองหาวิธีใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายและเพิ่มโอกาสในการสร้างความมั่งคั่ง

การละเลยการวางแผนทางการเงินระยะยาว

คนจำนวนมากโฟกัสเพียงแค่การใช้ชีวิตในปัจจุบัน โดยไม่ได้คิดถึงอนาคต เช่น การเกษียณอายุหรือการเตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์ฉุกเฉิน การไม่มีแผนการเงินระยะยาวอาจทำให้เกิดปัญหาใหญ่ในภายหลัง เช่น การไม่มีเงินพอใช้ในวัยชรา หรือการขาดทรัพยากรในการรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจ การเริ่มต้นวางแผนทางการเงินตั้งแต่วันนี้ เช่น การลงทุนในกองทุนรวมหรือการสร้างรายได้เสริม จะช่วยให้มีความมั่นคงมากขึ้นในอนาคต

การพึ่งพาแหล่งรายได้เพียงทางเดียว 

การมีรายได้จากงานประจำเพียงอย่างเดียวอาจทำให้เสี่ยงต่อการขาดรายได้หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น การตกงานหรือบริษัทปิดตัว การหารายได้จากหลายช่องทาง เช่น การทำธุรกิจเสริม การลงทุนในหุ้น หรือการขายของออนไลน์ จะช่วยกระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ การเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการหารายได้ ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้มีความมั่นคงทางการเงินมากขึ้น

การไม่สนใจการศึกษาเรื่องการลงทุน

หลายคนเลือกที่จะไม่ลงทุนเพราะกลัวความเสี่ยงหรือไม่มีความรู้เพียงพอ การขาดความรู้เกี่ยวกับการลงทุนอาจทำให้พลาดโอกาสในการสร้างความมั่งคั่ง การเริ่มต้นศึกษาเรื่องการลงทุนจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ เช่น หนังสือ เว็บไซต์ หรือคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ จะช่วยให้มีความเข้าใจมากขึ้น การทดลองลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น พันธบัตรหรือกองทุนรวมตลาดเงิน เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้เริ่มต้นได้ง่ายขึ้น

การปล่อยให้อารมณ์ควบคุมการใช้จ่าย

อารมณ์เป็นปัจจัยสำคัญที่มักส่งผลต่อพฤติกรรมการใช้จ่ายของคน เช่น การซื้อของเมื่อรู้สึกเครียดหรือเศร้า แม้ว่าการซื้อของอาจช่วยบรรเทาความรู้สึกเหล่านั้นได้ในระยะสั้น แต่ในระยะยาวอาจทำให้ฐานะทางการเงินแย่ลง การฝึกฝนการควบคุมอารมณ์และหาวิธีผ่อนคลายที่ไม่ต้องใช้เงิน เช่น การออกกำลังกายหรือการทำสมาธิ จะช่วยลดพฤติกรรมการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น

การไม่ตรวจสอบค่าใช้จ่ายเล็ก ๆ น้อย ๆ

หลายคนละเลยการตรวจสอบค่าใช้จ่ายเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ค่ากาแฟ ค่าขนม หรือค่าสมัครสมาชิกแอปพลิเคชันต่าง ๆ ซึ่งเมื่อรวมกันแล้วอาจกลายเป็นจำนวนเงินที่มาก การติดตามและประเมินค่าใช้จ่ายเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้สามารถลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นและนำเงินที่เหลือไปใช้ในสิ่งที่มีประโยชน์มากกว่า เช่น การออมหรือการลงทุน

การขาดแรงจูงใจในการสร้างความมั่งคั่ง

บางคนอาจไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจนในการสร้างความมั่งคั่ง เช่น การอยากมีบ้านเป็นของตัวเองหรือการเดินทางรอบโลก การไม่มีแรงจูงใจอาจทำให้ขาดความพยายามในการประหยัดหรือหารายได้เพิ่มเติม การกำหนดเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงและวัดผลได้ จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจในการปรับปรุงฐานะทางการเงินและการทำงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้

ความคิดเห็น